ปิดหน่วยล่า คนหมาเดือด (2013) Badges of Fury

Untitled06843

ผมเปิดเรื่องนี้ดูแบบแก้เหงาครับ ประมาณว่าเปิดหนังอะไรก็ได้เป็นเพื่อนระหว่างทำงาน ไม่ได้ตั้งใจดูอะไรแบบเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ไปๆ มาๆ หนังดันดูเพลินกว่าที่คาด เรียกความสนใจจากผมได้มากกว่าที่คิด

บอกก่อนนะครับว่าตัวหนังมันไม่ได้เจ๋งอะไร จริงๆ มันคือหนังตลกปนแอ็กชันที่เนื้อหาผูกขึ้นแบบหลวมๆ ตามสไตล์หนังฮ่องกง ตัวเอกคือ หวังปู้เอ้อ (เหวินจาง) ตำรวจตัวแสบที่ตามสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องชาย 3 คนที่ศพมีความเหมือนกันอย่างหนึ่งคือตายแบบมีรอยยิ้มครับ โดยเขาก็สืบร่วมกับหัวหน้า (เฉินเหยียนซี) และมือปราบมือเก๋าแห่งกองปราบอย่าง หวงเฟยหง (หลี่เหลียนเจี๋ย) เนี่ยครับ พล็อตมันประมาณนี้แหละ

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมดูสนุกก็ด้วยพลานุภาพแห่งทีมพากย์พันธมิตรครับ พากย์ได้ฮากระจาย ยิงมุกกระหน่ำจนอดขำไม่ได้ ซึ่งจริงๆ ผมว่าตัวหนังเพียวๆ น่ะอาจไม่ได้ฮาขนาดนั้น ดีไม่ดีมันอาจดูเสี่ยวๆ ต๊องๆ แป้กๆ ด้วย แต่พี่ๆ พันธมิตรของเราชงจนมันฮาน่ะครับ ดังนั้นความบันเทิงที่ผมได้รับส่วนใหญ่นี่ขอยกความดีความชอบให้พี่ๆ พันธมิตรเลย พี่พากย์ได้ฮาจริงๆ

อย่างที่บอกครับว่าตัวหนังไม่ได้มีอะไรมาก แต่กระนั้นหนังก็มีทิศทางของมันนะ คือมันอาจจะมีนอกเรื่องบ้างในบางซีน แต่หนังก็เดินเรื่องแบบไม่หลงทาง ยังจำได้ว่าตัวเองกำลังเล่าเรื่องคดีฆาตกรรมอยู่ แล้วหนังยังมีการหักมุมตอนเฉลยตัวฆาตกรด้วย ก็ถือว่าไม่เลวครับ แต่กระนั้นก็เหอะ ระหว่างดูก็รู้น่ะว่าหนังไม่ได้ตั้งใจจะเล่าให้มีความเข้มข้น แต่ตั้งใจจะเล่าให้มันออกแนวฮามากกว่า

Untitled06844

โอเค ตัวหนังอาจถือว่าธรรมดา แต่ได้ทีมพากย์บ้านเรามาช่วยเสริมแรง และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หนังดูเพลินสำหรับผมก็คือคิวบู๊ครับ เรื่องนี้ได้ Corey Yuen (ผู้กำกับ The Transporter) มากำกับคิวบู๊ให้ ผลที่ได้ก็นับว่าน่าพอใจอยู่ ตอนตีกันก็ถือว่ามันส์ตามสไตล์หนังฮ่องกงน่ะครับ มาครบทั้งลีลา ทั้งสตันท์ ทั้งสลิง ทั้งถล่มข้าวของ พูดก็พูดเถอะครับ บู๊ได้มันส์กว่าใน Jiu Jitsu ไม่รู้กี่เท่า ซึ่งอาจเพราะผมไม่ได้คาดหวังด้วย มันเลยตอบโจทย์ความบันเทิงให้ผมได้แบบพอดีๆ

แต่ที่ผมเขียนมานี่ไม่ได้อยากให้เกิดความคาดหวังนะครับ เพราะจริงๆ หนังมันหลวมโพรกและทำออกมาเบาๆ ไม่เน้นเหตุผล แต่แค่ว่าถ้าดูแบบไม่คิดมาก ดูแบบแก้เหงา มันก็แก้ได้ในระดับหนึ่ง ดูไปก็ขำไป สลับกับคิวบู๊อร่อยๆ จบแล้วก็จบกัน อ้อ อีกอย่างที่ถือเป็นความบันเทิงสำหรับผมก็คือหนังมีดาราโผล่มารับเชิญเพียบครับ จุดนี้ก็ทำให้หนังมันสนุกขึ้นเหมือนกัน ดูไปก็ลุ้นไปว่าซีนต่อไปใครจะโผล่มาเซอร์ไพรส์เราอีก แต่ขณะเดียวกันก็จะมีหลายฉากเลยครับที่ดูก็รู้ว่าทำขึ้นมาเพื่อให้ดารารับเชิญคนนั้นๆ โผล่ขึ้นจอ แต่ไม่ได้มีผลกับเนื้อเรื่องเลย

สรุปว่าหนังเรื่องนี้เหมาะแก่การดูแบบไม่คิดมากครับ ประเภทว่าเปิดแบบผ่านๆ ระหว่างเราทำอย่างอื่นอะไรอย่างนี้เป็นต้น ผมเชื่อว่ามันจะสร้างความเพลิดเพลินให้กับท่านได้ไม่น้อย

แต่ถ้าดูแบบตั้งใจแล้วพบว่ามันไม่สนุกล่ะก็ อย่าว่ากันนะครับ เพราะผมบอกแล้วว่าหนังมันเหมาะดูแบบผ่านๆ จริงๆ และสารภาพตามตรงว่าผมเปิดดูแบบไม่คาดหวังเลยว่าจะเอามาเขียนบอกเล่าให้ใครฟัง เพราะไม่คิดว่าหนังจะมีอะไร แต่ดันดูแล้วฮาจนอดไม่ได้ที่จะต้องเอามาบอกเล่าซะงั้นน่ะ อ้อ แล้วใครคิดจะดูเพราะหลี่เหลียนเจี๋ยล่ะก็ขอบอกไว้ก่อนครับว่าแม้หน้าพี่ท่านจะโผล่มาเด่นกว่าชาวบ้านในโปสเตอร์ แต่บทบาทจริงๆ มีนิดเดียวครับ ไม่น่าจะถึง 30% น่ะครับ

ส่วนดาวที่จะให้นี่ให้ตามที่หนังเป็นน่ะนะครับ นั่นคือเป็นหนังหลวมๆ เบาๆ เอาฮาเรื่องหนึ่ง ที่สนุกเพิ่มขึ้นหลายดีกรีเพราะทีมพากย์พันธมิตรครับ

ดาวครึ่งครับ

Star12

(5/10)